ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท มีคนเอาหมามาปล่อยเสมอๆ จนปรากฏเป็นฝูงใหญ่ หมาฝูงนี้มีหัวหน้าอยู่ตัวหนึ่ง ตัวเป็นดอกๆ เลยเรียกกันว่า "เจ้าสิงห์ดอก" หมาตัวนี้รู้สึกว่าจะมีความเฉลียวฉลาดผิดหมาทั่วไป รู้จักฟังธรรมและบังคับบัญชาลูกน้อง เวลาจะมีคนมาขโมยของวัด เจ้าสิงห์ดอกจะจัดวางกำลังกองทัพหมาไว้ป้องกันเป็นอย่างดี
วันหนึ่งไม่รู้ว่าเจ้าสิงห์ดอกเขานึกอย่างไร เขาจัดการวางกำลัง จัดกำลังไว้บนกุฏิ ๔ ตัว ที่วัดมีช่องทางเข้าวัด ๓ ทาง มันก็วางกำลังจุกไว้หมดทุกทาง แล้วก็มีอีกชุดหนึ่งนอนรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม สักประเดี๋ยวมันก็กระโดดไปทางฝั่งกุฏิของพระครูวิชาญ เดี๋ยวเดียวมีเสียงเป๋ง ไอ้ตัวนั้นคงหลับ ทุกคืนไม่เคยมีอย่างนี้ ก็เลยสั่งพระสั่งเณรว่าคืนนี้พร้อมไว้ เราเป็นทหารของพระพุทธเจ้า ถ้าใครมาเอาของสงฆ์ละเอาชีวิตแลกเลย
เวลาสักทุ่มเศษๆ เราดับไฟเงียบแล้วนอนกันอยู่ที่นั่น ห้ามพูด ห้ามสูบบุหรี่ พอหกทุ่มกว่าๆ เสียงข้างล่างเจี๊ยวเลย คือที่ชายป่ามีเสียงเห่า เจ้าสิงห์ดอกก็เดินยามของเขาไม่ได้หยุดเลย พอมีเสียงเห่ามันก็ขับฝูงพิเศษพรวดออกไปตัวเขาก็กระโดดตาม
ปรากฏว่าตอนเช้าได้ปืนกระบอกหนึ่ง ผ้าขาวม้า ๒ ผืน ป่าราบไปเลย
โดยปกติต้องเลี้ยงข้าวกะละมังขนาดพระหิ้ว ๒ องค์ มื้อละตั้ง ๓ กะละมัง ชาวบ้านเขาเห็นเขากลัวหมาอด ทีนี้ก็เอาข้าวสารมาเลี้ยงหมาไม่ใช่เลี้ยงพระ คราวหนึ่งต้องไปที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เดือนหนึ่ง ก็สั่งพระสั่งเณรไว้ ให้สตางค์ไว้ ถ้าข้าวสารไม่มีกับข้าวไม่มี ก็ให้เอาปลามาต้มเค็มเพราะมันกินได้นาน ถ้ามันเริ่มจะไม่กินก็เปลี่ยนเป็นต้มยำบ้าง ต้มส้มก็ได้ พอกลับมาปรากฏว่าสตางค์ไม่หมด เขาบอกว่าอาตมาไม่อยู่ ชาวบ้านเขากลัวหมาอดก็เอาต้มเค็มบ้าง ต้มส้มบ้าง หม้อใหญ่ๆ เลย
เณรที่มีหน้าที่อุ่นอาหารตอนนั้นชื่อ "เปีย" บอกอาตมาไม่อยู่ยิ่งรวยใหญ่
คราวหนึ่งมีข่าวว่าผู้ร้ายจะมาเอาพระพุทธรูป เป็นพระสุโขทัยสำริดเงิน
คำว่า "สำริด" มี ๓ อย่าง คือ มีทองคำ มีเงิน และก็ดีบุก เขาเรียกว่า "สามฤทธิ์" ไม่ใช่สำริด เราเรียกเสียงห้วนไป ตาชมช่างหล่อพระเขาบอก ถ้าออกสีของแร่ไหนมากก็เรียกสำริดอย่างนั้น นอกจากพระสุโขทัยสำริดเงินแล้วยังมีพระเชียงแสนอีก ๒ องค์ ของเก่าทั้งนั้นที่ขโมยมุ่งจะเอา มาวันหนึ่งยายแก่ไปหาหน่อไม้ ไปเจอะมันกำลังนอนสูบใบพลูอยู่ใต้กอไผ่ ๕ คน แกก็เลยส่งข่าวมาบอก ตอนนั้นหลังวัดยังเป็นป่าอยู่ แต่เวลานี้เขาถางหมดแล้ว พระครูวิชาญได้สร้างโรงเรียน เมื่อได้ข่าวก็ไปบอกผู้บังคับกองตำรวจชื่อ "จำลอง" เลยให้ตำรวจมา ๔ คน แกบอกว่า "หลวงพ่อทหารมาก ผมว่าตำรวจคนเดียวก็พอ"
เอ..ดันไปเชื่อหมาเสียอีก พอดีทายกเขามาก็เลยบอกสองสามคืนให้มานอนด้วยกันหน่อย ยังไงๆ มันต้องกดคอพระครูวิชาญแน่ ไอ้จะปล้นแบบตูมตามน่ะมันไม่ทำหรอก
พอคืนที่สองเจ้าสิงห์ดอกจัดเวรอีกแล้ว เลยบอกตำรวจสังเกตคืนนี้ขโมยต้องเข้า ให้เตรียมตะครุบให้ดีเถอะ ถึงเวลามันเข้ามา มองเห็นคนร้ายไปชิดกุฏิพระครูวิชาญ เอาไม้พาดกำลังจะปีนขึ้นเท่านั้น ไม่มีเสียงเลย เจ้าสิงห์ดอกบุกเงียบ มันฟัดเสียแหลกเลย หน้าตาเละหมด ได้ครบ ๕ คนโดยตำรวจไม่ต้องยิงเลย
เจ้าสิงห์ดอกนี้มันเก่งจริงๆ เวลาเจริญพระกรรมฐานเขาต้องมาอยู่หมดทั้งฝูง วันนั้นมันจะตาย ตอนคํ่าเจริญพระกรรมฐานเขามาอยู่ด้วย ตอนตี ๒ ฉันออกไปเจริญพระกรรมฐานหน้ากุฏิคนเดียว ตามปกติมันนั่งอยู่หน้าลูกกรง แต่วันนั้นมันขอเข้าก็เลยให้เข้า มันเข้ามานอนเอาหัวพาดตัก พอตี ๔ พระลุกขึ้นทำวัตร มันก็ลุกบ้าง ปลัดบุญธรรมแกทักว่า "อ้อ..สิงห์ดอกรึมานี่ มาหาหลวงพี่ที่นี่" มันก็เข้าไปใกล้ไปนอนฟังจนจบ จบแล้วก็กลับมาที่หน้าพระพุทธรูปที่เขาเจริญพระกรรมฐาน แล้วตายตรงนั้น
เวลาเขาตายเราก็ไม่รู้ พอใกล้สว่าง เห็นเทวดาองค์หนึ่งสว่างจ้าเลย ถามว่า "ใคร" เขาตอบว่า "ผมเทวดาสิงห์ดอกครับ" ถามชื่อจริงๆ เขาก็บอกแต่จำไม่ได้แล้ว ทรงผ้าพื้นเขียว เสื้อพื้นขาวแต่เพชรพราว ถามแกว่า "อยู่ชั้นไหน" ตอบว่า "ชั้นปรนิมมิตวสวัสดีครับ" ชั้นปรนิมมิตวสวัสดีนี่เขาต้องได้ฌาน ๔ นะ เขาบอกว่า "ผมก็ได้เหมือนกันนี่ครับ" เอ๊ะ ได้อย่างไร เขาอธิบายว่า"ที่หลวงพ่อไปทำพระกรรมฐานนั้น ผมก็ไปนั่งด้วยความเคารพ จิตมันทรงตัว"
จริงสิ เวลาเทศน์เป็นไม่ได้ เจ้าสิงห์ดอกเขามานั่งหรี่ตามอง ทำหางกระดุกกระดิกๆ ชอบใจจนกว่าจะจบ ไม่ว่าใครเทศน์มันก็ไป พอพระตีระฆังเท่านั้นไปแล้วอยู่ไม่ได้
นี่เห็นไหม หมาไปเป็นเทวดาได้ แต่คนถ้าตายแล้วไปเกิดเป็นหมาก็ซวยเต็มทีละ.."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น